“พี่โซลิ… พี่โซลิ...”
เสียงหนึ่งที่ค่อนข้างแผ่วเบา แต่ยังคงจังหวะในการเรียกอยู่เสมอ แม้มันจะไม่ได้ดังมากนักแต่ก็ส่งผ่านความรู้สึกและอารมร์ปนเศร้า ปานจะตายไปถึงผู้ที่รับฟังมันได้อย่างน่าประหลาด
“พี่โซลิ… รู้สึกตัวซักทีสิ….. ตื่นได้แล้ว”
เอ๊ะ.. นั่นเสียงของพีนี่ ทำไมกันล่ะ.. เกิดอะไรขึ้น..
ชายหนุ่มค่อยๆ ลืมตาสีแดงบนใบหน้าที่ดูหมอง พร้อมกับทรงผมปิดตาข้างหนึ่งที่ดูแทบจะดูเกือบไม่เป็นทรงแล้วนั้น ค่อยสังเกตสิ่งที่อยู่รอบข้างของตน
“พี่โซลิ รู้สึกตัวแล้ว!” เสียงของพีที่ดังมาใกล้ๆ เมื่อโซลิลองหันไปก็พบกับร่างของเด็กสาวที่ดูสภาพไม่ต่างจากเขาเท่าไร ดูจะได้รับบาดแผลจากการต่อสู้มากอยู่ไม่น้อย
“พ..พี...จ..จัง.. นี่มันเกิดอะไรขึ้น...”
รอบบริเวณนั้น เต็มไปด้วยร่างของการ์เดี้ยนที่ล้มลงไปนอนเหมือนกับคนหมดสติ ประกอบไปด้วย คอส ลิซ เอ็กซ์ ที่แสดงให้เห็นถึงร่องรอยการปะทะกับมอนเตอร์ หรืออะไรซักอย่าง และพยายามต่อสู้อย่างเต็มที่ ไม่ไกลไปนั้น ก็มีร่างของเด็กสาวหูกระต่ายอีกคนหนึ่ง นอนหมดสติอยู่ด้วย..
“นาลูร่า!....” โซลิเรียกเธอ
แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้รับการตอบสนองใดๆ จากเป้าหมายนั้น
“นี่พี่โซลิ จำเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ไม่ได้เหรอคะ..” หญิงสาวทิ้งคำถามให้คู่สนทนาลองนึกทบทวนในสิ่งที่เกิดขึ้นดูอีกครั้ง
-- ก่อนหน้านั้น
“พี่โซลิรู้ตัวคนร้ายแล้วเหรอคะ!” จอมเวทย์พีเอ่ยพร้อมกับดวงตาที่เป็นประกาย
“ใช่แล้ว… มังกร พวกเรา พวกเราคงต้องคลาดกันตรงนี้ละนะ” โซลิหันไปพูดกับมังกร รวมทั้งเต้ย และเนม ราวกับต้องการที่จะหยุดให้พวกเขาอยู่ตรงนั้น ไม่ต้องการการ์เดี้ยนที่ไม่รู้อิโน่อิเน่อะไร เข้ามาพัวพันกับเรื่องอันตรายที่ไม่เกี่ยวข้องด้วย
“เอาล่ะทุกคนรีบมุ่งหน้าไปกันเถอะ ตามฉันมา!” โซลิออกคำสั่ง
โซลิ พีจัง คอส ลิซซี่ ท่านเอ็กซ์ รวมทั้งนาลูร่า ที่ความเร็วของเธอจะไม่ค่อยเร็วเท่าไร แต่ก็เกาะติดตัวไปกับพีจัง ตอนนี้การ์เดี้ยนทั้ง 5 ได้มุ่งหน้าย้อนกลับมาทิศทางเดิมด้วยความเร็ว ด้วยสปีดและความสามารถของการ์เดี้ยนระดับ 3 ดาวขึ้นไปแล้ว จะทำความเร็วได้ขนาดนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากเท่าไร
ชึบ ฟลุบ ฟื้วว
เสียงกิ่งไม้ และใบไม้สั่นไหวเพราะเคลื่อนไปตามลม เนื่องด้วยความเร็วของการ์เดี้ยนที่วิ่งผ่านไป จนแทบจะทำให้เกิดการสั่นสะเทือนของป่ารอบข้างไปทั่วบริเวณ
โดยที่ไม่รู้เลยว่าสิ่งที่กำลังจะเผชิญหน้าต่อจากนี้ นับเป็นอันตรายครั้งใหญ่หลวง
“พี่โซลิ แล้วตกลงว่าคนร้ายคือใครละคะ ”
“คนร้ายน่ะ พอเราตามมาแบบนี้แล้ว ไม่แน่ว่าพวกมันอาจจะรู้ตัวแล้วก็ได้...” โซลิพูดพลางไม่ละสายตาจากทางเดินที่กำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วตรงหน้า
ทันใดนั้น ร่างของเด็กหนุ่มก็ตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง
“แย่แล้ว นี่เป็นกับดัก” โซลิ
“ว่าไงนะคะ” พี
คำเอ่ยนั้น สร้างความตื่นตระหนกใจให้มากพอที่จะทำให้การ์เดี้ยนทั้ง 5 และนาลูร่า เปลี่ยนการเคลื่อนไหว และเริ่มชะรอความเร็วได้บ้าง
พื้นดินธรรมดา ที่มีหญ้าขึ้นรกๆ ตามทางเดิน จากที่ดูเหมือนไม่มีอะไร กลับเกิดแสงสีขาว สีฟ้า และนานาสีจำนวนมากส่องจ้าขึ้นมา จนแทบจะทำให้ทุกคน พอจะแสบตาได้พอควร
“นี่มัน.. มีคนวางเวทย์อาณาเขตเอาไว้...” พีเอาแขนขึ้นมาบังแสงไม่ให้เข้าตา
หลังจากที่แสงจบลง ก็เหลือเพียงแค่ลายเส้นของเขตเวทมนตร์จำนวนมากกางเอาไว้ เส้นสีขาวพวกนั้นลากขีดทับซ้อนไปมาจนวุ่นวาย เปรียบเทียบได้ราวกับว่ามี ลายเส้นนัซกา ซ้อนทับกันอยู่ราวๆ หนึ่งร้อยรูป บนพื้นรอบตัวที่ทุกคนยืนอยู่
พวกมันเหมือนจะมีพลังยึดติดเท้าของการ์เดี้ยนทุกคนไม่ให้ขยับไปได้ด้วย ในชั่วขณะหนึ่ง
“อ๊าค เล่นสกปรกนี่”
เส้นสีขาวพวกนั้นสีเริ่มจางลง และมันก็เปลี่ยนเป็นสีม่วง ผสมผสานเข้ากับสีฟ้าที่แทรกขึ้นมาเป็นบางครั้ง
“นี่มัน! เขาวงกตไร้ทางหวนกลับ !” พีร้องขึ้นมา
พีที่พอจะรู้จักตำราเวทสายมืดมาหมายผ่านหูผ่านตามาบ้าง ทำให้พอเจอสถานการณ์ที่ตรงกับผลลัพธ์ของตำราเวทย์แล้ว พีก็แทบจะรู้ได้ในทันทีว่าตำราเวทย์นั้นเป็นเวทย์ของอะไร โดยเฉพาะถ้าเป็นเวทย์ของสายกลางคืนล่ะนะ
เขาวงกตไร้ทางหวนกลับ เป็นตำราเวทย์ระดับสูงเช่นกัน เมื่อใช้จะทำให้เป้าหมายถูกขังอยู่ในวังวนไร้ทางออก จนกว่าผู้ใช้ตำราจะหมดพลัง หรือปล่อยให้ออกไป มักจะใช้กับตอนที่ต้องการถ่วงเวลา หรือดักจับเป้าหมาย ขังเอาไว้ให้ไม่สามารถหนีออกไปได้นั่นเอง
“แบบนี้ก็คงหนีไม่ได้แล้วสินะ” ลิซ
“เหมือนจะได้กลิ่นสนุกๆ แล้วสิ” เอ็กซ์
“ผมรู้ว่าคุณแอบอยู่ตรงนั้น โผล่หัวออกมาได้แล้วล่ะ” โซลิประกาศ
นั่นพอจะทำให้อีกฝ่ายที่แอบฟังอยู่นั้น ดูจะมีอาการตื่นตัวอยู่ไม่น้อย
“หะ..หืม.. ก็น่านับถืออยู่นะ ที่รู้ตัวได้เร็วขนาดนี้” ร่างหนึ่งที่หลบอยู่หลังต้นไม้ ค่อยๆ ก้าวย่างออกมาปรากฎอยู่ตรงหน้าเหล่าการ์เดี้ยน
“เป็นคุณจริงๆ ด้วยสินะ” ลิซ
“เมื่อกี้นี้ทำไว้แสบมากเลยนะ” เอ็กซ์
“คุณกวีซ์ส...” คอส
แสงจันทร์ได้เฉลยให้เห็นถึงตัวตนของผู้มาเยือนอย่างแจ่มแจ้ง ร่างของนักบวชสาวได้ปรากฎตัวต้อนรับการมาเยือนของการ์เดี้ยนด้วยแววตาอันเต็มไปด้วยเรื่องราว
“สวัสดี เหล่าการ์เดี้ยนที่น่ารักอีกครั้ง..” นักบวชในยูนิฟอร์มสีน้ำเงินขาว กล่าวทักทาย
นารูล่าขยับถอยมาก้าวหนึ่ง หลังจากที่กวีซ์สปรากฎตัว เธอหลบและเกาะแขนของโซลิไว้แน่น
“ว่าแต่ พี่โซลิรู้ได้ยังไงน่ะ ว่าคุณกวิซ์สเป็นคนเก็บตำราเวทย์พวกนั้นเอาไว้” พีหันกลับมาถามโซลิ
“ก็ตอนที่พวกเรามาตรวจกลุ่มของกวีซ์ส พวกคุณดูจะรู้ล่วงหน้า และได้เตรียมการมาเป็นอย่างดี ว่าจะมีการ์เดี้ยนผ่านมาทางนี้” โซลิหยุดพูดไปครู่หนึ่ง
“ตอนที่พวกเราพึ่งจะมาถึงขบวนเดินทางของคุณ เรายังไม่ได้บอกด้วยซ้ำมาจะมาทำอะไร แต่คุณกลับรู้ว่าพวกเรามาตรวจสอบตำราเวทย์ ตอนที่กระซิบไปกับคนข้างหลังตอนนั้นยังไงล่ะ”
กวีซ์สไม่ได้พูดอะไร หญิงสาวเพียงแต่ยิ้มให้กับกลุ่มคนตรงหน้าอยู่แบบนั้น
“พวกคุณยังเบี่ยงเบนความสนใจของพวกเรา โดยการให้ไปตรวจสอบเกวียนเปล่าเหล่านั้น เพื่อที่จะได้มีข้ออ้างในการตรวจสอบที่ไม่ได้เรื่องของพวกเรายังไงล่ะ” โซลิ
“ยังงี้เองงั้นเหรอ.. ที่ขนเกวียนเปล่ามาก็เพราะแบบนี้เองงั้นเหรอ..” พี
“ถ้างั้นแล้ว ตำราเวทย์ซ่อนอยู่ที่ไหนล่ะ ตอนที่เอ็กซ์หยิบมาดู มันก็ไม่ใช่อันที่พวกเรากำลังตามหาอยู่นี่” คอสที่ยืนอยู่ตรงกลางลองตั้งคำถามโซลิดูบ้าง
“อันที่จริง… พวกเราก็ยังไม่เคยเห็นตำราเวทย์ที่กำลังตามหาเลยแบบอันจริงๆ ใช่รึเปล่า...” โซลิพูดลอยๆ
“นี่จะบอกว่า เพราะเราไม่เคยเห็นตำราเวทย์นั้น ก็เลยไม่มีวันหาเจองั้นเหรอ..” เอ็กซ์
“เปล่าๆ ไม่ใช่แบบนั้น ก็ไม่ใช่ว่าพวกเราจะรู้ซะทีเดียว ถ้าอ่านจากเนื้อหาในตำราก็คงพอจะรู้ได้แน่ๆ อยู่ละ” โซลิ
“งั้นต้องการจะบอกอะไรกันแน่” ลิซ
ทุกคนเริ่มสงสัยในคำพูดของโซลิ ไม่ต่างไปจากนารูล่าที่เธอยืนฟังเงียบๆ ไม่พูดอะไรมาตั้งนานแล้ว
โซลิหายใจเข้าไปเฮือกหนึ่ง แล้วมองไปที่นักบวชสาวตรงหน้า
“ตอนแรกผมก็สงสัยอยู่เหมือนกัน ว่าเหตุผลที่นักบวชอย่างคุณดูจะสำรวมกริยาเรียบร้อยไว้มากกว่าปกติ และแทบจะไม่ขัดขืนอะไรเลยตอนที่ผมสั่งให้การ์เดี้ยนที่เหลือเข้าไปตรวจสอบเกวียนที่ 2 และ 3”
“นั่นก็เป็นเพราะนักบวชอย่างเรา ต้องสำรวมกริยา และใจสงบนิ่งเหมือนดั่งที่บูชาพระศาสดาอยู่เสมอไม่ใช่หรอกหรือ ?” กวีซ์สพูดจบพร้อมกับยิ้มอย่างสดใสในขณะที่หลับตาไปข้างหนึ่ง
“ไม่เลย… นั่นก็เป็นเพราะ คุณต้องระวังไม่ให้ตำราเวทย์ที่ซ่อนเอาไว้หล่นลงมาใช่ไหมละ.. ใต้หมวกของคุณยังไงล่ะ”
“ว่าไงนะ..” “ซ่อนไว้ใต้หมวกยังงั้นเหรอ..”
กวีซ์สหัวเราะเบาๆ น้อย “โอะโอ… เหมือนว่าจะรู้เยอะมากไปหน่อยแล้วล่ะมั้ง”
“เพราะว่ามันไม่ได้เป็นตำราเวทย์ที่ได้สร้างจากตระกูลเพอร์มิช ขอเดาว่ามันคงจะมีขนาดเล็กมากจนคุณซ่อนไว้ใต้หมวกได้สินะ” โซลิพูด
“ถ้างั้นก็คงไม่จำเป็นต้องปิดบังอีกต่อไป….” สาวนักบวชถอดหมวกของเธอออก และมันก็มีม้วนกระดาษเล็กๆ ซ่อนอยู่ในนั้น มันมีขนาดเล็กกว่าตำราเวทย์ทั่วไปของไซเบิร์ธประมาณครึ่งต่อครึ่ง มีอยู่ครบ 3 เล่มพอดี เล่มหนึ่งสีแดง อีกเล่มสีดำ และเล่มสุดท้ายสีเหลือง
“ตอนแรกก็กะแค่ว่าจะเก็บไว้เป็นของดูเล่น แล้วก็จะปล่อยไปเท่านั้นแหละนะ เห็นแบบนี้ดูท่าจะให้มีชีวิตรอดไปไม่ได้ซะแล้ว” บัดนี้ตำราเวทย์ทั้งสามสีได้ตกอยู่ในมือของกวีซ์สเป็นอันเรียบร้อย
|