เขียนเรื่องผีมันเครียด หนีมาเขียนเรื่องกาวๆ แต่เกิดขึ้นจริงกันดีกว่า กับการใช้ชีวิตเช่นเด็กหอในช่วงมัธยมต้นของเราในโรงเรียนเดียวกับที่เจอดีนั่นแหล่ะ
คำเตือน : เนื้อหานี้มีความกาวและสู้ชีวิตขั้นสุด โปรดใช้จักรยานในการรับอ่าน
"โรงเรียนประจำเหลี่ยมๆกลางป่าอ้อย : สอบเข้าและปฐมนิเทศ"
ต้นเหตุของการเข้าเรียนที่โรงเรียนวิทยาศาสตร์หลวงชื่อดังประจำภาคตะวันออกมันเริ่มมาจากการที่ตอนนั้นเรายังเป็นเด็กน้อยอยู่ป.6กำลังหาที่เรียนต่อมัธยมต้น แล้วมีรุ่นพี่จากโรงเรียนนั้นมาแนะแนวว่าที่นั่นมีเรียนอะไรบ้าง ตอนนั้นเราก็โลกสวยคิดว่ามันต้องมีอะไรพิเศษแน่ๆและกลับไปบ้านบอกแม่เลยว่าจะไปเรียนต่อที่นั่น ทั้งบ้านก็ดีใจจัดหาจัดติวให้ทุกวิชาที่จะไปสอบเข้า จนเราสอบรอบแรกผ่าน แต่ยังมีรอบสองต่อที่จะต้องไปสอบที่โรงเรียนนั้น ในใจตอนกำลังออกเดินทางก็คิดไปถึงว่าแม่งต้องสวยงามอย่างกับโรงเรียนเจ้าหญิงแล้ว เพราะพี่ๆที่มาแนะแนวตอนนั้นชุดที่ใส่มาก็เท่สะบัดยังกับเป็นทหารซึ่งหลังจากนั้นที่โรงเรียนจะเรียกชุดนี้ว่าเป็นชุดพิธีการ แต่พอมาถึงโรงเรียนก็ฝันสลายทันใด โดยรอบโรงเรียนก็มีแต่ไร่อ้อยรกทึบ ข้างๆก็ยังมีโรงเรียนเทคนิคอยู่ไม่ให้เหงาเกินไปแต่โดยรวมคือกันดารมากเว่อ เข้าไปสถานที่ก็ถือว่ากว้างพอสมควรเลย แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าแม่ก็เพิ่งรู้แล้วมาบอกเราว่า
"เนเน่ นี่มันโรงเรียนประจำนะลูก"
ในใจตอนนั้นเคว้งเลย
'ชิบหายละกู'
โรงเรียนที่คิดไว้คือต่อให้เป็นโรงเรียนประจำก็น่าจะสะดวกสบายแบบโรงเรียนเจ้าหญิงของบาร์บี้ไม่ก็โรงเรียนเจ้าหญิงลาฟลอร่า ยิ่งได้ยินชื่อว่าเป็นโรงเรียนหลวงด้วยก็น่าจะยิ่งดูแลดีมากๆ แต่เปล่าเลย ตึกก็แสนจะเก่าแก่ สนามฟุตบอลแห้งแล้ง โรงอาหารโรงยิมอยู่ในตึกเดียวกันและเต็มไปด้วยขี้นก เราก็ไปสอบอะไรเสร็จสรรพพร้อมกับความผิดหวังอย่างรุนแรงและหวังในใจว่าอย่างน้อยรอบสองขอให้ไม่ติดที่นี่ที แต่มันก็.....
"กรี๊ดดดดดดดดด เนเน่!!!!!!! หนูสอบติดตัวจริงโรงเรียน.....ราชวิทยาลัย ชลบุรี ลูก"
".......งามไส้ละกู"
หลังจากนั้นพอถึงเวลารายงานตัวก็โดนลากพาไปแบบแม่หน้าบานแต่เรายิ้มแห้งไร้วิญญาณ นั่งรถกับพ่อแม่แล้วก็น้อง 1 ชั่วโมงกว่าจากระยองมาชลบุรี พอทำเรื่องรายงานตัวเสร็จก็โดนครูห้องประชาสัมพันธ์ a.k.a มนุษย์ป้าคนนึงเดินมาชวนคุยด้วย แม่ก็ดันบ้าจี้ตาม คุยไม่หยุดไม่หย่อนจนเราต้องโทรบอกพ่อให้ขับรถมารับที
จนถึงเวลาปฐมนิเทศ แม่ก็เอาเรามาส่งพร้อมกับกระเป๋าเดินทางของโรงเรียนและเสื้อผ้าตราโรงเรียนทุกชุดแม้กระทั่งชุดนอน ชุดลำลอง เรียกได้ว่าเกือบทุกอย่างยกเว้นชั้นในและถุงเท้าเป็นตราโรงเรียนหมดเลย ก็สงสัยว่านี่ต้องทำตัวเป็นสลิ่มโรงเรียนยันชุดนอนเลยหรอ จนต้องเข้าหอมารับชุดเครื่องนอนก็ยังทึ่งว่าแม่งทุกอย่างตราโรงเรียนหมด จนเพื่อนที่มาจากโรงเรียนประถมเดียวกันแต่คนละห้องยังถามเราเลยว่า "นี่มันหอหรือคุกกันแน่" ตอนนั้นใจร่วงไปอยู่ตาตุ่มแต่ก็พยายามทำใจแข็งเข้าไว้ และเอาชุดเครื่องนอนขึ้นหอตัวเองไป ตอนแรกว่าจะนอนพักก่อนค่อยปูเตียงแต่อยู่ๆเสียงครูหอก็ดังทะลุลำโพงในหอขึ้นมา "นักเรียนทุกคน!!!!!! ปูผ้าปูที่นอนตัวเองและจัดห้องเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวครูจะไปตรวจ!!!!!!!" จากที่ทุกคนยังนอนหมดสภาพบนที่นอนก็สะดุ้งมาจัดเตียงจัดห้องกันหมดพร้อมทั้งบ่นว่า "นี่โรงเรียนหรือค่ายทหารวะ" แต่บ่นได้ไม่นานก็โดนครูหอบุกมาตรวจห้องและก็โดนไล่ให้ไปทานข้าวที่โรงอาหารให้หมดทุกคน โชคดีที่ไม่โดนว่าเรื่องห้องนอน หลังทานข้าวเราก็ไปเล่นกิจกรรมตามฐานปฐมนิเทศ ไปเข้าพิธีบายศรีฯตามแบบรับน้องทั่วไป จนกระทั่งตอนเย็นเราพาเพื่อนที่เกิดอาการคิดถึงบ้านจนร้องไห้ไปคุยที่ตู้โทรศัพท์(โรงเรียนนี้เราเข้ามาทุกอาทิตย์จะถูกยึดโทรศัพท์และไอแพดและจะได้คืนก็ต่อเมื่อเรียนเสร็จตอนวันศุกร์แล้วเท่านั้น หากฝ่าฝืนจะโดนยึดทั้งเทอมและถ้าอยากได้คืนต้องให้ผู้ปกครองมาคุย แต่หากในกรณีปฐมนิเทศจริงก็สามารถลดหย่อนกันได้ แต่ไม่มีใครอยากฝ่าฝืนแต่แรกอยู่แล้วโดยเฉพาะม.1 อย่างเราในตอนนั้น แต่คอมหรือโน๊ตบุ๊กจะใช้ได้ไม่ผิดกฎ) ในใจก็คิดว่าที่นี่แม่งเข้ามาอย่างกับย้อนไปอยู่ยุคโทรศัพท์บ้าน แล้วทำไมแม่งต้องทำแบบนี้กันด้วย แต่ก็ยายามคิดแง่บวกว่าเค้าอาจจะต้องการไม่ให้เด็กเสียสมาธิก็ได้ ตกดึกของการมาอยู่ปฐมนิเทศวันแรกก็โดนเรียกขึ้นหอประชุมแบบงงๆ เพื่อจะมาอธิบายกฎของโรงเรียนทั้งหลายแหล่ และสุดท้ายที่พีคๆคือเรื่องเล่าลุงสันติถ้ายังจำกันได้ ตอนนั้นด้วยความเป็นเด็กก็กลัวหัวหดกันทุกคน ตอนเดินจากหอประชุมขึ้นหอไปก็คือเกาะกันเดินเลย เพราะไฟทางเดินโซนหอมืดมาก พอถึงหอครูหอก็กำชับว่าห้ามลงหอสายกว่าตี 5 เพราะจะปิดหอและเราอาจโดนขังในหอได้ และไม่พอถึงเราขอให้แม่บ้านของหอช่วยเปิดหอให้เราออกมาได้เราอาจถูกตัดคะแนนด้วย แต่ในปฐมนิเทศจะยังไม่มีการตัดคะแนน แต่ถึงแบบนั้นเราก็ไม่อยากจะทำผิดกฎกันและขึ้นไปอาบน้ำนอนกันอย่างเหนื่อยล้า และก็นอนไม่หลับกันต่อให้โดนสั่งปิดไฟตั้งแต่ 3 ทุ่มเพราะกลัวเรื่องเล่าลุงสันติและกลัวลงหอสาย พวกเพื่อนๆในห้องเลยเปิดไฟตื่นกันตั้งแต่ตีสองเพื่อไปอาบน้ำเตรียมลงจากหอ ไอ้เราก็ตาสว่างทั้งคืนทำอะไรไม่ได้นอกจากจะตามเพื่อนไปอาบน้ำ และพอลงหอไปทานข้าวและขึ้นตึกเรียนก็ตามสภาพ......หลับทั้งห้อง.... พอเรียนในช่วงปฐมนิเทศคาบแรกก็นั่งหน้าสุดไปสัปหงกอยู่หน้าอาจารย์ที่กำลังแนะนำตัวอยู่ เลยโดนอาจารย์ทุบโต๊ะไปทีนึง แต่ความง่วงก็ไม่หายไปเลยแอบฟุบตอนที่อาจารย์กำลังเปลี่ยนสไลด์ จนอาจารย์งงว่าพวกเราไปนอนดึกจากไหนกันมา เพื่อนเราในห้องเลยตอบว่าเมื่อคืนนอนไม่หลับกัน ครูบอกอ๋อไม่เป็นไร เดี๋ยวพวกเธอก็ได้เจอแบบนี้อีกตั้ง 3 ปี ถ้าทนไม่ไหวอยากออกกลางคันก็แค่จ่ายค่าปรับแล้วออก-----
3 ปี.... จากที่ดูในกฎโรงเรียนมาถ้าออกกลางคันยิ่งเราอยู่นานแล้วจะออกค่าปรับจะยิ่งแพงขึ้นเรื่อยๆเป็นเท่าตัว....... อีนี่มันขูดรีด... เอาข้ออ้างเรียนฟรีของทุนโรงเรียนหลวงมาบังหน้า (จริงๆมันก็น่าต้องจ่ายค่าปรับอยู่หรอก....)
ตอนนั้นแค่คิดก็สลบไปหน้าห้องแล้วเรียนไม่รู้เรื่องอีกเลยทั้งวัน (น่าสงสารตัวเองตอนนั้นมาก) แต่ยังดีที่ตอนนั้นยังพอคุยกับคนอื่นได้และยังไม่โดนบุลลี่ซะก่อน....อ่ะนะ
อีกเรื่องนึงที่น่าเล่าคือการใช้ตู้โทรศัพท์กับการจองห้องน้ำในหอ คือการใช้ตู้โทรศัพท์ในสมัยเราอยู่โรงเรียนนั้นมันค่อนข้างสู้ชีวิตเลย คือเราอาจจะสุ่มไปเจอตู้ที่โทรออกหรือตู้ที่เสียแล้วกินเหรียญกดเอาคืนไม่ได้ มีครั้งนึงที่เราไปกดตู้โทรศัพท์โทรหาแม่ตามปกติ แต่ครั้งนั้นดันซวยเจอตู้ที่พัง จะไปกดตู้อื่นก็ไม่ได้เพราะมีแต่คนโทร เราก็หยอดเหรียญไปแล้วแต่ตู้มันกินเข้าไป พยายามกดปุ่มให้ตู้มันคายเหรียญออกมาจนปุ่มมันจมไปเลย เราก็จะงัดเหรียญออกมาให้ได้จนเพื่อนเดินหนีแล้วไปต่อตู้อื่น เรางัดไปเรื่อยๆจนทนไม่ไหวทุบตู้บุบแล้วไปหาตู้ใหม่เลย สุดท้ายวันนั้นก็ต้องโทรหาแม่ผ่านคอมแทน ส่วนเรื่องการจองห้องน้ำ ถ้าเป็นผู้หญิงอ่ะจองห้องน้ำใช้กันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว จะใช้วิธีการเอาตระกร้าหรือขันใส่อุปกรณ์อาบน้ำมาวางไว้หน้าห้องอาบน้ำแยกที่จะอาบกัน ซึ่งถ้าใครจะต่อก็เอาตระกร้าของคนๆนั้นมาวางต่อหลังแทนการยืนต่อแถวกันนั่นแหล่ะ แต่มันจะมีคนประเภทนึงคือจองห้องน้ำอาบไว้ตั้งแต่ 1 ทุ่มแต่ 4-5 ทุ่มแล้วมันก็ยังไม่อาบซักที จนบางทีต้องไปขออาบน้ำก่อนพวกนั้น เพราะบางทีอยู่หอก็ไม่ได้สะอาดมากทุกวัน เลยอยากจะอาบน้ำบ้างอ่ะนะ... ส่วนผู้ชายไม่ต้องพูดถึง 3-4 ทุ่มแม่งยังเปิดไฟเล่นบาสกันในห้องน้ำอยู่เลย (ที่รู้เพราะมีเพื่อนผู้ชายบางคนถ่าย live ตอนมันกำลังเล่นกันในห้องน้ำด้วยโทรศัพท์ที่ลักลอบพกมา และหอหญิงเราก็ตั้งอยู่ตรงข้ามหอชายเลย โดยที่หอชายจะหันฝั่งระเบียงหลังหอเข้าหาหน้าหอหญิงมีสระน้ำคั่นกลางระหว่างหอ ถ้าจะตะโกนคุยข้ามหอกันได้บางครั้งก็ไม่แปลก)
เด็กหอปั่นๆคงต้องจบแค่นี้เพราะต้องนอนเร็ว พรุ่งนี้ต้องไปกทม. ;-;
|